2553-09-04

ท่านต้องการที่จะเรียนในระบบ e-learning หรือไม่ เพราะเหตุใด

ต้องการในเวลานอกเหนือจากการเรียนปกติ(คือ เรียนเสริม)

เนื่องจากสะดวก รวดเร็วในด้านข้อมูล การสืบค้น สามารถเรียนรู้ซ้ำได้หากยังไม่เข้าใจชัดเจน และยังประหยัดเวลา รวมทั้งค่าใช้จ่ายต่ำอีกด้วย

สถาบันการศึกษาได้ประโยชน์อะไรจากการใช้ระบบ e-learning

  • ค่าใช่จ่ายต่ำ
  • ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากในการจัดการตารางเวลาเรียน และสอน
  • สะดวกในการวัดผล
  • ปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยง่ายขึ้น
  • ข้อมูลไม่สูญหาย ทางสถาบันสามารถเก็บไว้ได้

ท่านคิดว่า การเรียนแบบ virtual classroom หรือ e-learning มีข้อดีข้อเสีย อะไรบ้าง

ข้อดี
  1. ทำให้ไม่เสียเวลาในการเดินทาง
  2. สะดวก รวดเร็วในการติดต่อสื่อสาร และการหาข้อมูลเกี่ยวกับการเรียน
  3. ไม่มีการจำกัดระยะทางอีกต่อไป เช่น อยู่คนละจังหวัด กับอาจารย์ผู้สอน ก็สามารถที่จะเข้าเรียนได้ เนื่องจากปัจจุบันมีเทคโนโลยีสนับสนุนมากมาย
  4. สนับสนุนในระบบ ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
  5. สามารถแก้ไขข้อมูลได้ง่าย เนื่องจากมีการจัดเก็บไว้เป็นระบบ
  6. ทำให้ผู้เรียนกล้าที่จะออกความคิดเห็น และสอบถามคำถามที่สงสัยมากขึ้น
ข้อเสีย
  1. ต้องระมัดระวังเกี่ยวกับเวลา ถ้าเป็นการสอนแบบออนไลน์  ไม่บันทึกวีดีโอ ซึ่งบางครั้งเวลาของผู้เรียนกับผู้สอนอาจจะไม่ตรงกัน เช่น อยู่ต่างประเทศเวลาจะไม่ตรงกับเมืองไทย เป็นต้น
  2. ไม่มีส่วนร่วมกับเพื่อนร่วมชั้นเรียน เนื่องจากไม่มีปฎิสัมพันธ์กัน
  3. ต้องมีความรู้ในเทคโนโลยีในระดับหนึ่ง
  4. ผู้เรียนต้องเป็นผู้ที่กระตือรือร้นที่จะศึกษาด้วยตนเอง มิฉะนั้นอาจจะไม่สามารถเรียนได้จนจบ

ในมุมมองของธุรกิจนั้น การสร้างระบบสารสนเทศควรคำนึงถึงองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องอะไรบ้าง

ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ [Management Information Systems (MIS)]




เป็นระบบเกี่ยวกับการจัดหาคนหรือข้อมูลที่สัมพันธ์กับข้อมูล เพื่อการดำเนินงานขององค์การ เช่น การใช้ MIS เพื่อช่วยเหลือกิจกรรมของลูกจ้าง เจ้าของกิจการ ลูกค้า และบุคคลอื่นที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับองค์การ การประมวลผลของข้อมูลจะช่วยแบ่งภาระการทำงานและยังสามารถนำสารสนเทศมาช่วยในการตัดสินใจของผู้บริหาร หรือ MIS เป็นระบบซึ่งรวมความสามารถของผู้ใช้งานและคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ได้มาซึ่งสารสนเทศเพื่อการดำเนินงานการจัดการ และการตัดสินใจในองค์การ หรือ MIS หมายถึงการเก็บรวบรวมข้อมูล การประมวลผล และการสร้างสารสนเทศขึ้นมาเพื่อช่วยในการตัดสินใจ การประสานงาน และการควบคุม นอกจากนั้นยังช่วยผู้บริหารและพนักงานในการวิเคราะห์ปัญหา แก้ปัญหา และสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่



โดย MIS จะต้องใช้อุปกรณ์ทางคอมพิวเตอร์ (Hardware) โปรแกรม (Software) ร่วมกับผู้ใช้ (People ware) และข้อมูล เพื่อก่อให้เกิดความสำเร็จในการได้มาซึ่งสารสนเทศที่มีประโยชน์และมีขั้นตอนในการปฏิบัติงานที่ดี ซึ่งนี่เป็นองค์ประกอบในการสร้างระบบสารสนเทศที่ควรคำนึงถึง



ดังนั้นการศึกษาระบบสารสนเทศจึงมีเนื้อหาที่กว้างกว่า การศึกษาวิชาคอมพิวเตอร์โดยตรง ทั้งนี้เนื่องจากว่าเนื้อหาของการจัดการระบบสารสนเทศที่ครอบคลุมถึง

(1) ศาสตร์และศิลปะในการจัดการและการตัดสินใจ

(2) ศึกษาจิตวิทยาและพฤติกรรมของการแสดงออก ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดถึงความสำเร็จหรือล้มเหลวของระบบสารสนเทศ

(3) ศึกษาเกี่ยวกับสภาพแวดล้อม (Environment) และการผลักดันทางด้านเทคโนโลยี เพื่อก่อให้เกิดโอกาสในการใช้ข้อมูลเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

(4) ศึกษาวิธีการสร้างระบบสารสนเทศ เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ในการช่วยสนับสนุนการตัดสินใจ (Decision Support Systems) ในทางธุรกิจ ประวัติ และวิวัฒนาการของระบบสารสนเทศ



การจัดโครงสร้างของสารสนเทศโดยแบ่งตามลำดับการนำไปใช้งาน สามารถแบ่งได้เป็น 4 ระดับ ดังนี้

1. ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการในการวางแผน นโยบาย กลยุทธ์ และการตัดสินใจของผู้บริหารระดับสูง (Top management)

2. ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการในส่วนยุทธวิธีในการวางแผนการปฏิบัติ และการตัดสินใจในผู้บริหารระดับกลาง (Middle management)

3. ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการใจระดับปฏิบัติการและการควบคุมในขั้นตอนนี้ผู้บริหารระดับล่าง (Bottom management) จะเป็นผู้ใช้สารสนเทศเพื่อช่วยในการปฏิบัติงาน

4. ระบบสารสนเทศที่ได้จากการประมวลผล ในขั้นตอนนี้พนักงานจะต้องมีการเก็บรวบรวมข้อมูล และป้อนข้อมูลเข้าสู่กระบวนการประมวลผล เพื่อให้ได้สารสนเทศออกมานำเสนอต่อผู้บริหาร



เป้าหมายของสารสนเทศในองค์การมักจะคำนึงถึง

(1) การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

(2) การเพิ่มผลผลิต

(3) การเพิ่มคุณภาพในการบริการลูกค้า

(4) ผลิตสินค้าใหม่และขยายผลิตภัณฑ์

(5) สามารถสร้างทางเลือกในการแข่งขัน

(6) สร้างโอกาสทางธุรกิจ